วันเสาร์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ในการกระทำความรุนแรงใดๆ ที่เกิดขึ้นทั้งโดยเจตนาหรือไม่เจตนา ทั้งต่อตนเองหรือผู้อื่นจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตามความรุนแรงที่ว่านั้นมักมีผลตามมาเสมอ ผลจากความรุนแรงจะมีมากน้อยเพียงไรย่อมขึ้นอยู่ที่ระดับความรุนแรงของการกระทำ และสภาวะจิตใจของผู้ถูกกระทำเป็นสำคัญ ทั้งนี้อาจรวมถึงเงื่อนไขของสภาพแวดล้อมและบริบททางวัฒนธรรมด้วย
        การกระทำรุนแรงนั้นหากไม่ได้กระทำกับตนเองแล้วส่วนใหญ่นั้นมักจะเกิดจากผู้มีอำนาจเหนือกว่า กระทำกับผู้ที่อ่อนแอกว่า เช่น สามีกระทำกับภรรยา ญาติผู้ใหญ่กระทำกับเด็ก ครูกระทำกับนักเรียน หรือเพศชายกระทำกับเพศหญิง เป็นต้น สำหรับผลที่เกิดจากการกระทำความรุนแรงคือผลร้ายต่อร่างกายและจิตใจ ผลต่อร่างกายมีตั้งแต่บาดเจ็บเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปจนถึงขั้นพิการหรือเสียชีวิต สำหรับผลต่อจิตใจนั้นก็มักต่อเนื่องยาวนานและกลายเป็นปัญหาสังคม
อื่น ๆ ตามมา ที่สำคัญการบำบัดรักษาต้องใช้เวลาและกระทำได้ยาก




วันศุกร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ความรุนแรงในสังคมไทย

         การกระทำรุนแรงในสังคมไทยเกิดขึ้นได้ด้วยสาเหตุต่าง ๆ กัน ความรุนแรงบางอย่างเป็นผลมาจากความคิดความเชื่อของคนในสังคมที่กระทำระหว่างกัน     บางอย่างเกิดจากภาวะจิตใจที่ผิดปกติของคนในสังคม บางอย่างเป็นความรุนแรงที่กระทำระหว่างคนใกล้ชิด และบางอย่างเป็นภัยทางสังคมซึ่งพบเห็นได้บ่อยขึ้นในปัจจุบัน

        การกระทำรุนแรงอันเกิดจากความคิดความเชื่อของคนในสังคม เป็นสิ่งละเอียดอ่อน บางอย่างแฝงมากับความเชื่อในรูปแบบของค่านิยม หรือสืบทอดผ่านทางวัฒนธรรมประเพณีในแต่ละสังคม จนเกิดการยอมรับ และมักมองข้ามลักษณะความรุนแรงที่ปรากฏ เช่น การนิยมเจาะหูให้แก่ลูกผู้หญิง การนิยมมีรอยสักแก่ผิวหนังของตนเอง สิ่งเหล่านี้ในสังคมมองเห็นเป็นเรื่องธรรมดา ทั้ง ๆ ที่เป็นความรุนแรงที่กระทำขึ้นระหว่างแม่ต่อลูกหรือกระทำกับตนเอง
        การกระทำรุนแรงระหว่างกันตามความเชื่อของไทยโดยทั่วไปแม้จะไม่รุนแรงถึงขนาดทุบตีและยิงทิ้งกันต่อหน้าต่อตาผู้อื่นอันเนื่องมาจากการฝ่าฝืนกฎ       หรือลวงมาฆ่าหมู่อย่างลัทธิบางลัทธิในภูมิภาคอื่น ๆ ของโลก แต่ความเชื่อบางอย่างในภูมิภาคต่าง ๆ ของไทยก็มีลักษณะการกระทำรุนแรงจากผลของความเชื่อมิใช่น้อย ในอดีตเวลาก่อสร้างเจดีย์หรือพระธาตุบางแห่งต้องฝังคนเป็น ๆ ข้างใต้แท่นฐาน หรือบางแห่งมีวิธีการรักษาคนเป็นโรคจิตด้วยด้วยวิธีการทางไสยศาสตร์ มีการไล่ผีให้ออกจากตัวโดยการเฆี่ยนตีหรือราดด้วยน้ำร้อน บางแห่งมีพิธีเลี้ยงผีอารักษ์เมืองและมีการฆ่าสัตว์สังเวยแสดงความรุนแรง หรือตัวอย่างการขับไล่ผู้สงสัยว่าเป็นผีปอบไปอยู่นอกเมืองหรือที่ห่างไกลผู้คน ใช้วิธีการที่รุนแรง เช่น ขว้างปา รุมทำร้าย หรือรื้อถอนบ้าน ซึ่งเกิดผลร้ายต่อผู้ถูกกล่าวหาทั้งร่างกายและจิตใจ

        การกระทำรุนแรงที่เกิดจากภาวะจิตใจที่ผิดปกติ การกระทำรุนแรงเช่นนี้มักเกิดจากคนที่มีจิตใจไม่ปกติซึ่งปะปนอยู่ในสังคม มีทั้งที่เราสังเกตเห็นและไม่เห็น                ระดับความรุนแรงขึ้นอยู่กับระดับความผิดปกติของภาวะจิตใจ เช่น คนเป็นโรคจิตประเภทคลั่งสลับซึม ที่ก่อเหตุทำร้ายแก่คนรอบข้างหรือคนในครอบครัวจนเป็นข่าวให้เห็นอยู่เสมอ คนที่คับข้องใจและแสดงความก้าวร้าวต่อภาวะคับข้องใจด้วยการกระทำรุนแรงต่อตนเองโดยการฆ่าตัวตายในสังคมไทยก็มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น จากข้อมูลที่ศึกษาพบว่าคนไทยใช้วิธีฆ่าตัวตายโดยการกินยามากถึง 70 %       รองลงมาคือแทงตัวเอง กระโดดจากที่สูง ยิงตัวตายและผูกคอตาย นอกจากนั้นยังมีการกระทำรุนแรงอันเกิดจากภาวะจิตใจที่ผิดปกติให้เห็นอีกมากมาย เช่น คนเป็นเอดส์แพร่เชื้อโดยใช้เข็มวิ่งไล่แทงคนอื่น คนวิปริตทางเพศโชว์อวัยวะเพศต่อหน้าดาราที่ตนคลั่งไคล้จนเกิดความหวาดกลัว เป็นต้น 

        การกระทำรุนแรงที่เกิดขึ้นระหว่างคนใกล้ชิด ปัจจุบันเป็นปัญหาใหญ่ของสังคม ซึ่งความรุนแรงที่เกิดขั้นส่วนใหญ่จะเกิดในครอบครัว โรงเรียน หรือชุมชนที่อยู่ใกล้ชิดกัน ลักษณะความรุนแรงมีตั้งแต่ดุด่าด้วยถ้อยคำ ลงโทษด้วยวิธีการแปลกๆ ทำร้ายร่างกาย และคุกคามทางเพศ ส่วนใหญ่เกิดกับเด็กและผู้หญิง



วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

รูปแบบของความรุนแรง


     
ความรุนแรง   หมายถึงการทำร้ายทางร่างกาย     การทำร้ายทางจิตใจ   การทำร้ายทางเพศ และการทอดทิ้งเด็กที่มีอายุต่ำกว่า  18  ปี ความรุนแรงมี ประเภท 
1. การทำร้ายร่างกาย   คือ  มักเกิดจากการทุบ   ตี   ต่อย   เตะ   จับศีรษะโขกกับของแข็ง ใช้เทียนหยดลงตามตัว   ขว้างปาด้วยสิ่งของ   แทง   ฟัน   ยิง   หรือทรมานร่างกายด้วยวิธีต่าง ๆ

2. การทำร้ายทางจิตใจ    เป็นการกระทำด้วยกิริยาวาจา  ทาทาง  สายตา  สีหน้า  จนทำให้ผู้ถูกกระทำเจ็บชำนำใจ  อับอาย  อาจถึงขั้นคิดสั้นได้  การกระทำดังกล่าว   ได้แก่  การด่า  บังคับขู่เข็ญการดูถูกเหยียดหยามการเยาะเย้ยถากถาง  การข่มขู่      การไล่ออกจากบ้าน  การหน่วงเหนี่ยวกักขัง  ตลอดจนการรบกวนต่าง ๆ ทางจิตใจของผู้ผูกกระทำ

3. การทำรายทางเพศ  ผู้ที่ถูกทำร้ายทางเพศมักได้แก่เพศหญิงและมีเด็กชายบ้างเหมือนกัน ลักษณะการทำร้ายทางเพศมีหลายรูปแบบ  เช่น  การถูกจับหน้าอก     ถูกจับก้น  ถูกจับอวัยวะเพศ การถูกฝ่ายชายเอาอวัยวะเพศมาถูไถร่างก่ายขณะอยู่ในชุมชน  การถูกปลุกปล้ำ   การถูกข่มขืน 
   โดยผู้ชายคนเดียว  การถูกข่มขืนโดยผู้ชายหลายคน  การถูกบังคับให้ถอดเสื้อผ้าเพื่อถ่ายภาพ ถูกพูดจาลวนลาม  ล่วงเกินทางเพศ  ถูกตัดแต่งภาพโดยใช้รูปโป๊ของผู้อี่นแต่ใช้หน้าผู้เสียหายออก  เผยแพร่ให้ สาธารณชนได้เห็น เป็นต้น

4. การทอดทิ้งเด็ก  อาจทอดทิ้งตั้งแต่แรกเกิด  จนถึงการทอดทิ้งเด็กโตซึ่งอายุไม่ไม่เกิน  18  ปี  จนผู้ทอดทิ้งได้รับความเดือดร้อน
หรือถึงขั้นเสียชีวิต ปัจจุบันนี้เรื่องการทอดทิ้งเด็ก เด็กมีมากมายในสังคมไทยทั้งนี้เกิดจากความ ไม่รับผิดชอบของผู้ใหญ่และพวกวัยรุ่นใจแตก 












วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

ปัญหาความรุนแรงในสังคม >> อิทธิพลของสื่อ

ปัญหาความรุนแรงในสังคม >> อิทธิพลของสื่อ


     วัยรุ่นจำนวนไม่น้อยที่หมกมุ่นเสียเวลาไปกับการเสพสื่อเพื่อความสนุกสนานเพลิดเพลิน จึงมีสื่อหลายประเภทออกมาเรียกความสนใจจาก  วัยรุ่นกลุ่มนี้ และสื่อประเภทการต่อสู้ ไล่ล่า การใช้ความรุนแรง อาชญากรรม เป็นสื่อที่ได้รับความนิยมสูงเพิ่มมากขึ้น ทำให้ผู้ผลิตมีการแข่งขันในด้านการผลิตออกมาในรูปแบบสื่อสิ่งพิมพ์ เช่น การ์ตูน ภาพยนต์ ละคร เกมคอมพิวเตอร์อย่างแพร่หลาย

     มีวัยรุ่นจำนวนไม่น้อยเห็นว่าสื่อรุนแรงเหล่านี้ เป็นการฝึกทักษะความว่องไว เชิงชั้นในการต่อสู้และไล่ล่า โดยไม่ได้กระทำจริง หากแต่การ       กระทำซ้ำๆ บ่อยๆ ย่อมทำให้สื่อเหล่านี้มีอิทธิพลครอบงำ ล่อแหลม และค่อยๆ เปลี่ยนแปลงทัศนคตี ค่านิยม นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างไม่รู้ตัวได้ เพราะถึงแม้จะมีการปราบปรามหรือมีการตรวจพิจารณาจากเจ้าหน้าที่ในการเผยแพร่ก็ยังคงมีเล็ดลอด         แพร่หลายอยู่อีกมากมาย จึงจำเป็นต้องมีกลวิธีอื่นๆ ที่จะสร้างภูมิคุ้มกันให้กับวัยรุ่นไม่ให้นำแบบอย่างนั้นออกมากระทำความรุนแรงในสังคม ผู้ปกครองควรใกล้ชิดดูแลสอดส่อง ช่วยในการคัดเลือกสื่อ ครูและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องควรสร้างความตระหนักให้วัยรุ่นรู้จักวิเคราะห์และเลือกสื่ออย่างเหมาะสม



วันอังคารที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

สถานการณ์การกระทำรุนแรง

     จากการศึกษาวิจัยได้พบข้อมูลของการกระทำรุนแรงระหว่างคนใกล้ชิดที่น่าสนใจหลายประการ เช่น การข่มขืนผู้หญิงส่วนใหญ่เกิดกับวัยผู้ใหญ่คืออายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ในช่วงเวลา 18.00 – 24.00 น. ส่วนใหญ่เกิดเหตุในโรงแรมและเป็นการกระทำของญาติหรือเพื่อนสนิท โดยมักมีการดื่มสุราก่อนก่อเหตุเสมอ สำหรับการละเมิดทางเพศในโรงเรียน เด็กที่ถูกละเมิดทางเพศส่วนใหญ่มาจากครอบครัวที่ไม่อบอุ่นหรือแตกแยก และครอบครัวใหม่ไม่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน โดยทางโรงเรียนไม่มีกฎระเบียบและวิธีการจัดการเรียนการสอนหรือมีความร่วมมือกับผู้ปกครองในการป้องกันปัญหา แม้แต่ในครอบครัวเองก็เกิดความรุนแรงในการอบรมเลี้ยงดู โดยเด็กจะได้รับการเลี้ยงดูด้วยวิธีการที่รุนแรงในด้านจิตใจและร่างกาย ที่น่าสนใจคือผลการวิจัยพบว่าเกิดการรับรู้ที่ต่างกันระหว่างเด็กกับผู้ปกครอง กล่าวคือเด็กจะรับรู้ว่าถูกเลี้ยงดูด้วยวิธีการรุนแรงมากกว่าผู้ปกครองที่รับรู้ว่าได้กระทำรุนแรงกับเด็ก และผู้หญิงที่ถูกกระทำรุนแรงในครอบครัวจะถูกกระทำรุนแรงทางจิตใจมากที่สุด รองลงมาคือทางเพศและทางร่างกาย   ส่วนใหญ่ถูกกระทำโดยสามี
   ความรุนแรงที่เกิดจากภัยทางสังคม เป็นความรุนแรงที่พบเห็นได้บ่อยมากตามข่าวของสื่อมวลชน เป็นการกระทำรุนแรงต่อร่างกายและจิตใจในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การชิงทรัพย์ ทำร้ายร่างกาย ฆ่าล้างแค้น ล่วงละเมิดทางเพศและการใช้แรงงานเด็กอย่างไม่เป็นธรรม จากสถิติของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติที่สรุปไว้ในปี 2544 ระบุว่าช่วงที่ผ่านมาการทำร้ายร่างกายมีอัตราเพิ่มขึ้น การข่มขืนอยู่ในจำนวนคงที่ ส่วนการใช้แรงงานเด็กมีแนวโน้มลดลงแต่เพิ่มขึ้นในบางภูมิภาค เช่น     ภาคใต้ 
       สำหรับเด็กและเยาวชนที่ถูกจับกุมส่งสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนนั้นเพิ่มขึ้นในแต่ละปี ซึ่งเป็นการสะท้อนให้เห็นภาพของความรุนแรงในสังคมที่เพิ่มมากขึ้นด้วยเช่นกัน
        การคุกคามทางเพศเป็นภัยทางสังคมอีกรูปแบบหนึ่ง จากผลการวิจัยพบว่าการคุกคามทางเพศมักเกิดในที่สาธารณะ พบมากที่สุดคือการเกี้ยวพาราสีจากคนแปลกหน้าในเวลากลางคืน ซึ่งเป็นการคุกคามที่เกิดความรำคาญและหวาดกลัวอันมีผลร้ายต่อจิตใจ นอกจากนั้นการคุกคามทางเพศในที่สาธารณะเช่น ป้ายรถเมล์ ถนนหนทาง ในช่วงนอกเวลาทำงานโดยคนไม่รู้จักก็มักจะเกิดขึ้นทั้งกับเพศหญิงและชาย โดยปัจจัยที่จะทำให้ถูกคุมคามทางเพศมากที่สุดคือความสวยความหล่อของหน้าตาและเรือนร่างหรือสัดส่วน การกระทำก็ตั้งแต่เอาอวัยวะเพศมาเสียดสีเพื่อสำเร็จความใคร่ จนถึงการลวนลามโดยใช้กำลังประทุษร้ายซึ่งถือว่าเป็นการกระทำรุนแรงของภัยทางสังคมที่น่ากลัว



บทสรุป
        สิ่งที่เป็นปัญหาจากความรุนแรงนอกจากจะเกิดกับร่างกายและจิตใจแล้วส่วนหนึ่งยัง ฝังแน่นในอารมณ์และความรู้สึกของผู้ถูกกระทำต่อเนื่องไปอีกยาวนาน บางคนมีความหวาดกลัวทั้งผู้คนและสถานที่ บางคนรู้สึกทุกข์ทรมานและเจ็บปวด บางคนสูญเสียความมั่นใจในตัวเองและไม่ไว้วางใจ ผู้อื่น และบางคนคิดว่าสิ่งที่ถูกกระทำเป็นตราบาปที่ติดตัวไปชั่วชีวิต
        ที่สำคัญที่สุดคือปัญหาการกระทำรุนแรงระหว่างกันมิได้ยุติลงแต่เฉพาะบุคคลที่กระทำและ ผู้ถูกกระทำเท่านั้น ปัญหาส่วนใหญ่ลุกลามขยายผลไปถึงชุมชนรอบข้างและสังคม กลายเป็นปัญหาที่ทับถมและทวีความรุนแรงมากขึ้นจนเป็นภาระที่คนในสังคมต้องเผชิญและร่วมกันรับผิดชอบในที่สุด







วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

สาเหตุของการเกิดความรุนแรง


1. มีความขัดแย้งกัน จนเกิดอารมณ์ ที่เป็นต้นเหตุในการใช้ความรุนแรง
2. มีความผิดปกติทางจิตใจ คือเป็นคนก้าวร้าว ชอบการกระทำที่รุนแรง ขาดความเมตตาปราณี
3. เกิดจากครอบครัวที่มีแต่ความขัดแย้งกัน พ่อแม่ทะเลาะกัน ทุบตี และด่าว่ากัน จนลูกนั้นซึมซับ อาจเกิดพฤติกรรมเลียนแบบเพราะเห็น   เป็นเรื่องปกติ
4. มีค่านิยมผิดๆ ซึ่งแสดงออกเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดี เช่น เห็นว่าสามีทำร้ายภรรยาเป็นเรื่องปกติ ความรุนแรงเป็นเรื่องส่วนตัว เป็นต้น จึงส่งผลทำให้ไม่มีผู้ใดเข้าไปช่วยเหลือ เพราะเห็นว่าไม่ควรเข้าไปยุ่ง
5. สามีหรือภรรยาไม่รับผิดชอบต่อครอบครัว โดยทิ้งให้อีกฝ่ายหนึ่งหากินเลี้ยงลูกเองตามลำพัง
6. มีการเลียนแบบสื่อต่างๆ ที่มีเรื่องราวเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรง เช่น ภาพยนตร์ โทรทัศน์ เป็นต้น
7. มีการล่อลวง มอมยา แล้วหลอกหรือปลดเอาทรัพย์สินไป
8. การแต่งกายค่อนข้างล่อแหลมของผู้หญิงมีส่วนทำให้เกิดคดีอนาจารและข่มขืนได้
9. การคุยทางอินเตอร์เน็ตมีส่วนหลอกล่วงกัน

วันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

แนวทางการป้องกันปัญหาความรุนแรงในสังคม


1. เจ้าหน้าที่ตำรวจควรช่วยดูแลกวดขันในจุดที่เป็นอันตรายให้มาก
2. ควรลงโทษผู้กระทำผิดทางอาญาให้หนัก ในคดีที่เกิดขึ้นซึ่งทำให้คนอื่นและสังคมเกิดความเดือดร้อน
3. การควบคุมสื่ออย่าให้ออกข่าวและแพร่ภาพเรื่องราวที่เกี่ยวกับความรุนแรงมากนัก
4. บุคคลต้องระวังตนเองให้ปลอดภัยจากการถูกจี้ ปล้น หรือวิ่งราวทรัพย์ รวมทั้งการหลอกลวง
5. บุคคลควรลดความขัดแย้ง
6. ยึดถือหลักศาสนาที่ตนนับถือโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการฆ่าสัตว์ การทำร้ายร่างกาย การเบียดเบียนผู้อื่น การเสพสารเสพติด
7. ผู้หญิงควรแต่งกายให้รัดกุม มิดชิด และระมัดระวังในการเดินทางไปในที่เปลี่ยว หรือไม่ปลอดภัย
8. ต้องใช้วิจารณญาณในการเล่นอินเตอร์เน็ต
9. รวมกลุ่มจัดดูแลชุมชน แจ้งเหตุแก่เจ้าหน้าที่เตือนภัยอาสาสมัคร